การเขียนโปรแกรมจะประกอบด้วย
1. ค่าคงที่ (Constants)
2. ตัวแปร (Variable)
3. นิพจน์ (Expression)
แต่องค์ประกอบของโปรแกรมที่สำคัญยังต้องประกอบไปด้วย รูปแบบในการเขียนโปรแกรมและคำสั่ง เฉพาะสำหรับการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา ซึ่งรูปแบบและคำสั่งของโปรแกรมภาษาเบสิกก็จะมีรูปแบบเฉพาะเป็นของตนเองเช่นกัน
1. ค่าคงที่ (Constants)
2. ตัวแปร (Variable)
3. นิพจน์ (Expression)
แต่องค์ประกอบของโปรแกรมที่สำคัญยังต้องประกอบไปด้วย รูปแบบในการเขียนโปรแกรมและคำสั่ง เฉพาะสำหรับการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา ซึ่งรูปแบบและคำสั่งของโปรแกรมภาษาเบสิกก็จะมีรูปแบบเฉพาะเป็นของตนเองเช่นกัน
ประเภทคำสั่งในภาษาเบสิก
1. คำสั่งสำหรับรับและส่งข้อมูล
คือ กลุ่มคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อรับข้อมูลเข้าไปทำการประมวลผลในโปรแกรมและกลุ่มคำสั่งที่สั่งให้โปรแกรมแสดงผลที่อุปกรณ์ประกอบคำสั่งเหล่านี้ได้แก่
คำสั่ง INPUT เป็นคำสั่งที่รับข้อมูลโดยการป้อนผ่านแป้นพิมพ์ เพื่อให้โปรแกรมรับทราบว่าใส่ข้อมูลใด เมื่อเวลาแสดงผลจะแสดงเครื่องหมายคำถาม เพื่อป้อนข้อมูลที่ต้องการต่อท้ายเครื่องหมายคำถาม
คือ กลุ่มคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อรับข้อมูลเข้าไปทำการประมวลผลในโปรแกรมและกลุ่มคำสั่งที่สั่งให้โปรแกรมแสดงผลที่อุปกรณ์ประกอบคำสั่งเหล่านี้ได้แก่
คำสั่ง INPUT เป็นคำสั่งที่รับข้อมูลโดยการป้อนผ่านแป้นพิมพ์ เพื่อให้โปรแกรมรับทราบว่าใส่ข้อมูลใด เมื่อเวลาแสดงผลจะแสดงเครื่องหมายคำถาม เพื่อป้อนข้อมูลที่ต้องการต่อท้ายเครื่องหมายคำถาม
.รูปแบบคำสั่ง INPUT
INPUT Variable, Variable..n
INPUT Variable, Variable..n
Variable คือ ค่าของตัวแปรแบบตัวเลขหรือแบบสตริง
รายการตัวแปร Variable ถึง n จะเป็นตัวแปรที่เป็นจำนวนหรือตัวแปรอักขระก็ได้ในกรณีที่มีตัวแปรมากกว่า 1 ตัวแปร ให้ใช้เครื่องหมายคอมม่า (,) คั่นระหว่างตัวแปรแต่ละตัว เมื่อโปรแกรมรันมาถึงบรรทัดที่สั่งให้มีการรับค่าจะเกิดเครื่องหมาย ? รอให้ผู้ใช้ใส่ค่าเข้าไป การใส่ค่านี้จะต้องใส่ค่าให้ตรงกับตัวแปรที่กำหนด
รายการตัวแปร Variable ถึง n จะเป็นตัวแปรที่เป็นจำนวนหรือตัวแปรอักขระก็ได้ในกรณีที่มีตัวแปรมากกว่า 1 ตัวแปร ให้ใช้เครื่องหมายคอมม่า (,) คั่นระหว่างตัวแปรแต่ละตัว เมื่อโปรแกรมรันมาถึงบรรทัดที่สั่งให้มีการรับค่าจะเกิดเครื่องหมาย ? รอให้ผู้ใช้ใส่ค่าเข้าไป การใส่ค่านี้จะต้องใส่ค่าให้ตรงกับตัวแปรที่กำหนด
ตัวอย่าง
PRINT “YOUR NAME IS =”
INPUT NA$
PRINT “YOUR AGE IS =”
INPUT AGE
ผลลัพธ์
YOUR NAME IS =
? watcharin ใส่ค่าที่เป็นตัวอักษร ตัวเลขหรือพยัญชนะต่าง ๆ
YOUR AGE IS =
? 18 ใส่ค่าที่เป็นตัวเลขเท่านั้น
YOUR NAME IS =
? watcharin ใส่ค่าที่เป็นตัวอักษร ตัวเลขหรือพยัญชนะต่าง ๆ
YOUR AGE IS =
? 18 ใส่ค่าที่เป็นตัวเลขเท่านั้น
2. คำสั่ง Print
คำสั่ง Print เป็นคำสั่งในภาษาเบสิก ใช้เพื่อกำหนดรูปแบบการพิมพ์ข้อความ หรือแสดงผลข้อมูลที่โปรแกรมทำงานเสร็จแล้วออกทางจอภาพ ข้อมูลที่แสดงออกมานั้นอาจจะมีค่าเก็บอยู่ในตัวแปร ซึ่งตัวแปรในภาษาเบสิกมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เช่นตัวแปรตัวเลข ก็จะเก็บค่าที่เป็นตัวเลข ตัวแปรตัวอักษร ก็จะเก็บค่าที่เป็นข้อความ นอกจากนี้การแสดงผลลัพธ์ที่มีค่าเก็บอยู่ในตัวแปรแล้วยังอาจจะแสดงผลลัพธ์ค่าคงที่ที่เป็นตัวเลขหรือแสดงข้อความเลยก็ได้ หรือจะใช้คำสั่งนี้ในการบันทึกข้อมูลให้เก็บอยู่ในรูปของไฟล์ ถ้าต้องการแสดงผลลัพธ์ที่เป็นข้อความจะใช้คำสั่ง Print แล้วตามด้วยข้อความที่จะแสดงแต่ต้องใช้เครื่องหมายคำพูดเปิด-ปิด คร่อมข้อความที่ต้องการแสดงไว้ด้วย
คำสั่ง Print เป็นคำสั่งในภาษาเบสิก ใช้เพื่อกำหนดรูปแบบการพิมพ์ข้อความ หรือแสดงผลข้อมูลที่โปรแกรมทำงานเสร็จแล้วออกทางจอภาพ ข้อมูลที่แสดงออกมานั้นอาจจะมีค่าเก็บอยู่ในตัวแปร ซึ่งตัวแปรในภาษาเบสิกมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท เช่นตัวแปรตัวเลข ก็จะเก็บค่าที่เป็นตัวเลข ตัวแปรตัวอักษร ก็จะเก็บค่าที่เป็นข้อความ นอกจากนี้การแสดงผลลัพธ์ที่มีค่าเก็บอยู่ในตัวแปรแล้วยังอาจจะแสดงผลลัพธ์ค่าคงที่ที่เป็นตัวเลขหรือแสดงข้อความเลยก็ได้ หรือจะใช้คำสั่งนี้ในการบันทึกข้อมูลให้เก็บอยู่ในรูปของไฟล์ ถ้าต้องการแสดงผลลัพธ์ที่เป็นข้อความจะใช้คำสั่ง Print แล้วตามด้วยข้อความที่จะแสดงแต่ต้องใช้เครื่องหมายคำพูดเปิด-ปิด คร่อมข้อความที่ต้องการแสดงไว้ด้วย
รูปแบบของคำสั่ง Print
Print “ข้อความ”[;][,] ตัวแปร1[;][,] ตัวแปร1.. ตัวแปร n
Print “ข้อความ”[;][,] ตัวแปร1[;][,] ตัวแปร1.. ตัวแปร n
การพิมพ์ข้อความ ผลลัพธ์
print “I LOVE YOU” I LOVE YOU
print “I Love You” I Love You
print “100-70” 100-70
ผลลัพธ์
5. คำสั่ง LOCATE
กำหนดตำแหน่ง CURSOR ยังบรรทัด และคอลัมน์ที่ต้องการ
รูปแบบ LOCATE [ row% ] [,[cursor%] [,start%[,stop%]]]]
กำหนดตำแหน่ง CURSOR ยังบรรทัด และคอลัมน์ที่ต้องการ
รูปแบบ LOCATE [ row% ] [,[cursor%] [,start%[,stop%]]]]
ตัวอย่าง
CLS
LOCATE 1,30
Print ”watcharin”
End
ผลลัพธ์
9. คำสั่ง ARRAY (แบบเรีรยงลำดับ)
รูปแบบคำสั่ง ชื่อตัวแปร, ชนิดข้อมูล,(ตำแหน่งของข้อมูล)
ตัวอย่าง
12.
13. คำสั่ง FOR…NEXT เป็นคำสั่งที่ให้โปรแกรมทำงานตามจำนวนรอบที่ได้กำหนดไว้
ตัวแปรที่ตามหลังคำสั่ง FOR…NEXT ต้องเป็นตัวเดียวกัน และเป็นตัวแปรชนิดตัวเลขเท่านั้น ค่าเริ่มต้นและค่าสุดท้ายอาจเขียนด้วยตัวเลข เช่น FOR I = 1 TO 10 หรือเขียนด้วยตัวแปร เช่น FOR I = 1 TO Numค่าเพิ่มขึ้นที่ตามหลัง STEP เป็นตัวเลข ใช้ในการนับ STEP เพิ่มขึ้น เช่น 0.5 , 1 , 2 ,3,… และ ใช้ในการนับ STEP ลดลง เช่น –1 , –2
ตัวอย่างการเขียนคำสั่ง FOR…NEXT
14. คำสั่ง IF…THEN…ELSE…เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจเงื่อนไข เงื่อนไข
ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง จะทำคำสั่ง 1 หลังคำว่า THEN
ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ จะทำคำสั่ง 2 หลังคำว่า ELSE
ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ จะทำคำสั่ง 2 หลังคำว่า ELSE
15. คำสั่ง Select case
คำสั่ง Select case เป็นคำสั่งสำหรับสร้างเงื่อนไขคล้ายคลึงกับ if else ifการทำงานของโปรแกรมว่า ถ้าเหตุการณ์แรกเป็นจริง ก็จะให้ทำงานตามที่กำหนดไว้ แต่ถ้าไม่เป็นจริงให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ 2 ที่เตรียมไว้ ถ้าเป็นจริงก็ให้ทำงานตามที่กำหนด
แต่ถ้าไม่เป็นจริงก็ให้ทำงานตามที่กำหนดไว้ถัดไป
จนกระทั่งเหตการณ์เป็นเท็จทั่งหมดจึงทำงานตามที่กำหนดไว้สุดท้าย
แต่ถ้าไม่เป็นจริงก็ให้ทำงานตามที่กำหนดไว้ถัดไป
จนกระทั่งเหตการณ์เป็นเท็จทั่งหมดจึงทำงานตามที่กำหนดไว้สุดท้าย
รูปแบบคำสั่ง
รูปผังงานของ select....... case
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น